ไม่มีตู้เสื้อผ้าใดจะสมบูรณ์ได้หากปราศจากเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนสีน้ำเงินและแว่นกันแดดหนึ่งอัน ทั่วทั้งโลกมีแบรนด์แว่นกันตาแบรนด์หนึ่งที่ทุกคนต่างรู้จักกันดี จดจำกันได้ และถูกทำเลียนแบบมากที่สุด เมื่อใดก็ตามที่คุณมองเห็นแว่นพวกนั้น คุณอาจจะไม่ทันอ่านชื่อแบรนด์ของมัน แต่คุณรู้ว่าคุณจะรู้ทันทีว่ามันคือ Ray-Ban
การริเริ่ม
ก่อนจะเป็น Ray-ban นักบินชาวอเมริกาสวมใส่ที่ป้องกันสายตา ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับแว่นของนักประดาน้ำต่อมานักบิน และ John Macready ผู้มีประสบการณ์ด้านการบิน ได้ติดต่อไปยัง Bausch & Lomb เพื่อขอให้ช่วยในการออกแบบอุปกรณ์ป้องกันดวงตาที่ช่วยป้องกันแสงจากท้องฟ้า และ แสงจากดวงอาทิตย์ ต่อมาในปีคศ. 1937 Bausch & Lomb ได้มีการเปิดตัวแว่นกันแดดรุ่น Aviator ที่สามารถป้องกันแสงจ้าและแสงสีเขียว ซึ่งป็นที่นิยมกันในหมู่ทหารในไม่ช้า ประชาชนกลุ่มใหญ่ได้เห็นแว่นกันแดด Ray-ban Avator เป็นครั้งแรกจากรูปภาพในหนังสือพิมพ์ที่นำภาพของนายพล MacArthur กำลังนำเครื่องลงจอดที่สนามบินประเทศ Philippines
ในช่วงศตวรรษที่ 30 และ 40 ทาง Ray-Ban ได้พัฒนาแว่นกันแดด 2 รุ่นใหม่ขึ้นมาในชื่อ Outdoorsman และ Shooter แต่คราวนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อนักบิน ในช่วงเวลาดังกล่าว Ray-ban ได้คิดค้นเลนส์แว่นรูปแบบใหม่ขึ้นมานั่นคือเลนส์ไล่สีและเลนส์ปรอท ต่อมาถูกนำมาใช้กับทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
การก่อตั้งนำไปสู่ความรุ่งโรจน์
ในช่วงศตวรรษที่ 50 แว่น Ray-Ban รุ่น Wayfarer ได้แพร่กระจายและเข้าถึงกลุ่มคนทั่วๆไป โดยทางบริษัทได้ให้ Audrey Hepburn , James Dean และ Marilyn Monroe สวมใส่แว่นตา Ray-Ban Wayfarer บนจอภาพยนต์ ดูเหมือนว่า แว่นกันแดดจะไม่ใช่เพียงแค่เพื่อปกป้องดวงตาอีกต่อไปแล้ว แต่ยังกลายเป็นเครื่องประดับแฟชั่นอีกด้วย
แว่นกันแดด Ray-ban ยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และ Ray-ban ยังคงเดินหน้าสร้างสิ่งแปลกใหม่จนกระทั่ง Ray-ban ได้นำเสนอเลนส์ Photochomic ซึ่งปกป้องด้วยตาด้วย Polymer film เลนส์จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มเมื่อที่ออกแดดหรือโดนรังสี UV
นอกจากนั้นพวกเขาได้วางจำหน่ายรุ่น Signet และ Caravan อีกด้วยและประกาศว่า 2 รุ่นดังกล่าวเป็นการออกแบบเพื่อผู้หญิง
ค่ำคืนแห่งการถดถอย
ในช่วงศตวรรษที่ 80 เป็นช่วงที่ยิ่งใหญ่สุดของ Ray-ban โดยเจ้าพ่อเพลง POP อย่าง Michael Jackson ได้สวมใส่แว่นกันแดด Ray-ban ในระหว่างที่เขาทัวร์คอนเสิร์ต "Bad" ซึ่งเป็นคอตเสิร์ตที่คนต่างให้ความสนใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และต่อมามาดาราชั้นนำ Tom Cruise ก็ได้สวมใส่แว่นกันแดด Ray-ban ในภาพยนต์เรื่อง Top Gun ซึ่งเป็นภาพยนต์เรื่องนึงที่่ถือว่าโดดเด่นที่สุดในยุคนั้น ส่งผลให้ Ray-ban ยอดขายพุ่งทะยานมากขึ้นถึง 40%
Ray-ban ตัดสินใจลดราคาและคุณภาพลงเพื่อหันมาขายอุปกรณ์เสริมต่างๆแทน แต่อย่างไรก็ตามมีขึ้นก็ย่อมมีลงเสมอ ในปี 1990 แว่นกันแดด Ray-ban ได้มาถึงจุดอิ่มตัว เมื่อคนอเมริกาเริ่มจะลืมแฟชั่นยุค 80 ซึ่งรวมไปถึงแว่นกันแดดอย่าง Ray-ban ด้วย ทำให้แว่นกันแดด Ray-ban ถูกมองว่าเป็นแฟชั่นตลาดล่าง แม้ว่าแว่น Ray-ban จะเคยปรากฏในภาพยนต์หลายเรื่อง อาทิเช่น Reservoir Dogs และ Men in Black
Ray-ban ยังคงประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อ เมื่อแว่นกันแดดเจ้าใหญ่อย่าง Oakley ได้เข้ามามีบทบาทในตลาดแว่นกันแดดมากขึ้นเรื่อยๆ
ครั้งนึงแบรนด์แว่นกันแดดสุดหรูหราอย่าง Ray-ban สามารถหาซื้อได้ง่ายๆตามร้านสะดวกซื้อ และ ปั้มน้ำมันอีกด้วย
การเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แบรนด์แว่นกันแดดอย่างชื่อดัง Ray-ban ที่กำลังจะตายหายไปจากตลาดแว่นกันแดด บริษัท Bausch and Lomb ได้มองเห็นถึงความผิดพลาดของแบรนด์ แต่มีบริษัทแว่นตาในประเทศ Italy ที่กลับมองเห็นโอกาศ บริษัทนั้นคือ Luxottica
เดิมทีบริษัท Luxottica ได้เริ่มต้นขายกรอบแว่นสายตาที่รัฐ Agordo ประเทศอิตาลี ในปี 1961 ต่อมาในปี1974 เจ้าของบริษัทได้เริ่มตระหนักถึงธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ตั่งแต่การออกแบบ การผลิต การวางจำหน่ายและการกระจายสินค้า
ในปี 1999 บริษัท Loxottica ได้ตัดสินใจทำการซื้อบริษัท Ray-ban และได้ทำการรีแบรนด์ และ สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ใหม่อีกครั้ง Luxottica ได้ทำการผลิตกรอบแว่นตาของใหม่ให้ทนทานยิ่งขึ้น ส่วนเลนส์ของแว่นตาก็ได้เพิ่มคุณภาพอีกด้วย
Ray-ban ถูกเปลี่ยนมาผลิตในประเทศ Italy ต่อมา uxottica ได้เรียกเก็บแว่นกันแดด Ray-ban ที่ขายภายในปั้มน้ำและร้านสะดวกซื้อทั้งหมด อีกทั้งได้เสนอ Ray-ban รุ่นพิเศษสุดหรูหราให้กับ Neiman Marcus and Saks Fifth Avenue อีกด้วย
ในปี 2000 Luxottica ได้ผลิตและจำหน่ายแว่นกันแดดที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆมากขึ้น เลนส์ Polarized ช่วยในการกันแสงสะท้อน และลดความเข้มของแสงถึง 99% อีกทั้งการเคลือบเลนส์ด้วย Oleo Hydrop Coating ทำให้คราบสกปรกไม่เกาะติดเลนส์ ง่ายต่อการทำความสะอาดอีกทั้งช่วยเพิ่มความคมชัดของสีเมื่อมองผ่านเลนส์อีกด้วย
Luxottica ยังคงเดินหน้าสร้างนวตกรรมใหม่ๆอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งในปี 2010 Luxottica ได้นำเสนอแว่นกันแดดที่ทำมาจาก Titanium alloy และ Cabon fiber ซึ่งวัสดุทั้งคู่มีจุดเด่นอยู่ที่ความเบาและทนทาน
หากย้อนไปถึงในปี 1999 แว่นกันแดดรุ่น Aviators มีราคาขายที่ต่ำกว่า 20$ เสียอีก แต่เพียงไม่ถึง 10 ปี Ray-Ban Aviators สามารถกลับขายได้ในราคาถึง 130$
ในวันนี้ Ray-Ban ได้กลับมายืนอยู่ในจุดที่พวกเขาควรจะยืนอยู่ ด้วยตำแหน่งแบรนด์แว่นกันแดดอันดับหนึ่งตลอดการ การันตีด้วยยอดขายอันดับหนึ่งตลอดการ